มาฝึกหาระยะทางบนแผนที่กันเถอะ
เชื่อว่าใครหลายคงคุ้นชินกับแผนที่กันมาบ้าง ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบกระดาษ หรือ แอปพลิเคชั่นอย่าง GPS แล้วเคยสงสัยกันไหมว่าทำไมแผนที่ระยะทางดูใกล้แต่พอได้เดินทางไปจริง ระยะทางดูไกลมาก เป็นเพราะเขาวัดระยะทางจริงแล้วนำไปย่อระยะทาง โดยใช้มาตราส่วนนั้นเอง โดยมาตราส่วนของแผนที่จะแสดงอยู่มุมใดมุมหนึ่งแผนที่ วันนี้ทาง megastudy เลยจะพาไปดูว่า ระยะทางบนแผนที่เขาหากันอย่างไร
การหาระยะทางบนแผนที่จึงสามารถกระทำได้ 2 วิธีคือ
1. การหาระยะโดยอาศัยมาตราส่วนของแผนที่
เช่น เราวัดระยะบนแผนที่มาตราส่วน 1: 50,000 ได้ 3 เซนติเมตร เพราะฉะนั้นระยะราบในภูมิประเทศจริงคือ 3 X 50000 = 150,000 ซ.ม. หรือ 1,500 เมตร
หรือ 1.5 ก.ม.
2. การหาระยะโดยอาศัยมาตราส่วนแบบบรรทัด
2.1 ให้กระทำโดยนำขอบบรรทัดหรือขอบกระดาษเรียบๆ วางทาบให้ผ่านจุดสองจุดที่ต้องการหาระยะทางบนแผนที่แล้วทำเครื่องหมายไว้ที่ขอบกระดาษ
แสดงตำแหน่งของจุดทั้งสอง
2.2 นำขอบกระดาษไปวางทาบที่มาตราส่วนเส้นบรรทัด อันมีหน่วยวัดระยะตามต้องการแล้วอ่านระยะบนมาตราส่วนเส้นบรรทัด
ระยะที่ได้จะเป็นระยะราบในภูมิประเทศจริง
หลักการย่อและขยายแผนที่
1. การย่อและขยายแผนที่โดยยึดมาตรส่วนเป็นหลัก
การย่อแผนที่ในกรณีนี้เราหาอัตราส่วนการย่อหรือขยายโดยคำนวณจากมาตราส่วน ซึ่งเราสามารถหาอัตราส่วนการย่อหรือขยายได้
โดยการใช้มาตราส่วนของแผนที่ใหม่หารด้วยมาตราส่วนของแผนที่เดิม
2. การย่อและขยายแผนที่โดยยึดด้านกว้าง-ด้านยาวของแผนที่เป็นหลัก
ด้านกว้างและด้านยาวเป็นสิ่งที่มีมิติเดียวเช่นเดียวกันมาตราส่วน ดังนั้นสักษณะการย่อและการขยายจึงทำได้เช่นเดียวกับวิธีการย่อและขยายโดยยึดมาตราส่วนเป็นหลัก
3. การย่อและขยายแผนที่โดยยึดพื้นที่ของแผนที่เป็นหลัก
การย่อและขยายแผนที่โดยยึดพื้นที่เป็นหลัก เราคำนวณอัตราส่วนการย่อ-ขยายได้โดยการหารพื้นที่ของแผนที่ใหม่ด้วยพื้นที่ของแผนที่เดิม
สูตรการหาระยะทาง Scale = MD GD
MD = ระยะทางบนแผนที่ (Map Distance)
GD = ระยะทางในภูมิประเทศจริง (Ground distance)
ตัวอย่าง สมมุติว่าแผนที่มาตราส่วน 1 : 50,000 วัดระยะระหว่างจุด ก. ถึง จุด ข. ได้ 3.5 เซนติเมตร จงหาระยะทางในภูมิประเทศจากสูตร
1 = 3.5
50,000 GD
GD = 50,000 X 3.5 = 175,000 เซนติเมตร
= 175,000
= 1.75 กิโลเมตร
100,000
ตอบ นั่นคือ ระยะในแผนที่ 3.5 เซนติเมตร แทนระยะทางในภูมิประเทศจริง 1.75 กิโลเมตร