เรียนพิเศษ ติวสอบ ออนไลน์ กวดวิชาติวเตอร์อันดับ 1 | Megastudy

megastudy

หาวิชาที่ต้องการค่ะ
ภาษาไทย เกศ
ภาษาไทยถึงแก่น
ครูเกศเท่านั้น

ภาษาไทย เกศ

Tutor‘s tip

필독อยากได้คะแนนดีทำยังไง? รวม 10 วิธีทำให้เรียนเก่ง และความจำดี
  • kru kate
  • 07.09.2565
  • 449

 

อยากได้คะแนนดีทำยังไง? รวม 10 วิธีทำให้เรียนเก่ง และความจำดี

อยากได้คะแนนดีต้องทำยังไง? ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นคนเรียนเก่ง มีความจำดี สอบได้คะแนนดีได้ง่ายๆ บางคนใช้ทั้งความพยายาม ความตั้งใจ ความทุ่มเทเพื่อที่จะทำให้เรียนดี หาวิธีทำให้เรียนเก่ง ทั้งเรียนพิเศษ จดสมุดทบทวน อ่านหนังสือซ้ำหลายๆ รอบก็แล้ว แต่ก็ยังจำไม่ได้ เวลาสอบคะแนนออกมาก็ยังไม่ได้ดีสักที วันนี้พี่ๆ จาก megastudy รวบรวม 10 วิธีทำให้เรียนเก่ง และความจำดีมาให้น้องๆ ได้นำไปใช้กัน  

 

 

ตั้งใจฟังเนื้อหาก่อนสรุปประเด็นสำคัญ

ก่อนที่จะเริ่มหาเคล็ดลับต่างๆ ที่ช่วยทำให้เรียนเก่ง และมีความจำดี วิธีแรกที่ต้องทำ คือ การตั้งใจฟังเนื้อหาก่อนเริ่มเขียนสรุปประเด็นสำคัญ เพราะหากมัวแต่จดตามที่ได้ยินเสียง ก็จะเป็นการจดตามคำบอกไปเรื่อยๆ ผู้จดเองก็รู้สึกเหนื่อย เพราะต้องรีบจดทุกอย่างให้ทันกับสิ่งที่ได้ยิน 


ในความเป็นจริงการจดสรุป หรือการจดโน๊ตถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก เนื่องจากการจดโน๊ตช่วยประหยัดเวลา เมื่อต้องการอ่านใหม่อีกครั้งเพื่อทบทวน ดังนั้น น้องๆ ควรฟังให้เข้าใจก่อน แล้วจึงจดสรุป เพื่อให้สรุปของน้องๆ นั้นมีประสิทธิภาพ โดยเทคนิคการจดโน๊ตที่เหมาะสม ที่จะเป็นเคล็ดลับการเรียนเก่งมีดังนี้

  • ให้ฟังและทำความเข้าใจเนื้อหาทั้งหมดก่อน แล้วค่อยจดสรุป

  • ใช้วิธีจดแบบใช้เครื่องหมายนำสายตา (Bullet point) เพื่อแยกส่วนประกอบสำคัญออกเป็นข้อๆ

  • เน้นการจด Keyword สำคัญ มากกว่าการจดยาวๆ

  • การจดบันทึกไม่ต้องเน้นจำนวนตัวอักษร ให้เน้นความเข้าใจ ในเรื่องที่ต้องอธิบายหรือให้เหตุผลประกอบ นอกจากนี้ อาจลองใช้ตัวอย่างที่คิดขึ้นมาใหม่ หรือตัวอย่างที่อ่านแล้ว สามารถเชื่อมโยงไปถึงเรื่องที่เรียนได้ง่ายขึ้น 


ถามคุณครูในสิ่งที่ไม่รู้หรือสงสัย

เชื่อว่าน้องๆ หลายคนมักคิดว่า การสอบถามคุณครูเป็นเรื่องน่าอาย เพราะคนที่ถามคุณครู คือ คนที่ฟังเนื้อหาแล้วไม่เข้าใจ เป็นคนหัวช้า แต่ในความเป็นจริงแล้วการสอบถามคุณครูในเรื่องที่สงสัยเป็นสิ่งที่ดีมาก และยังถือเป็นอีกวิธีทำให้เรียนเก่งอีกด้วย เช่นเดียวกับบรรยากาศการเรียนการสอนในต่างประเทศ เด็กๆ เวลาสงสัย จะรีบยกมือถามทันที เพื่อแก้ไขปัญหา และได้รับคำตอบในทันที โดยที่ไม่ต้องเก็บคำถามไว้ในใจ 


ดังนั้น เวลาสงสัยอะไร ให้รีบสอบถามคุณครู เพื่อจะได้เข้าใจถูกต้อง อย่าเก็บเอาคำพูด สายตา ความคิดเห็นของบุคคลอื่นมาเป็นที่ตั้ง เพราะเวลามีคำถาม ก็เป็นเรื่องปกติที่จะต้องหาคำตอบ ให้โฟกัสไปที่ผลลัพธ์ของคำตอบที่ได้ และช่วยกันปรับเปลี่ยนมุมมองว่า การถามคำถามในห้องเรียนไม่ใช่เรื่องน่าอาย ไม่มีใครควรอายกับการถามข้อสงสัยในห้องเรียนกับคุณครู และให้มองว่าเป็นเรื่องปกติของการเรียนรู้ที่จะมีการตั้งคำถาม 

 

ใช้อุปกรณ์บันทึกเสียงและภาพเพื่อการเรียนรู้

การเรียนการสอนในปัจจุบัน เช่น การเรียนหนังสือในโรงเรียน บางครั้งน้องๆ อาจจะรู้สึกเหนื่อย เนื่องจากใน 1 วัน จะต้องเรียนหลายวิชาตั้งแต่เช้ายันเย็น ทำให้มีหลุดโฟกัสไปบ้าง เบลอบ้าง การใช้อุปกรณ์เข้ามาช่วยในการเรียนถือเป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับในการเรียนเก่ง เช่น การใช้โทรศัพท์มือถืออัดเสียงในคาบเรียน การใช้เครื่องบันทึกเสียง หรืออัดวิดิโอในคาบเรียน สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้น้องๆ ได้กลับมาทบทวนความรู้ในสิ่งที่ขาดตกไป และเป็นการเน้นย้ำจุดสำคัญที่คุณครูเน้นในคาบเรียนอีกด้วย ถือเป็นอีกหนึ่งในวิธีที่ช่วยเพิ่มคะแนนสอบได้แน่นอน

 

 

จดเนื้อหาให้ดูหลากหลายด้วยสีและรูปภาพ

การจดเนื้อหาให้ดูน่าอ่านด้วยสีและรูปภาพ หรือเปลี่ยนจากการจดลงสมุดบันทึกแบบเดิมๆ เป็นแผนที่ความคิด (Mindmap) หรือบัตรคำศัพท์ (Flash Cards) จะช่วยให้น้องๆ รู้สึกสนใจในสิ่งที่จดบันทึก เทคนิคนี้ทำให้ผู้อ่านรู้สึกว่าเนื้อหาที่เขียนนั้นน่าอ่าน มีสีสันน่าจดจำ และเป็นอีกวิธีทำให้เรียนเก่งขึ้นได้


เนื่องจากสีสัน ถือเป็นสิ่งเร้าที่ช่วยกระตุ้นอารมณ์ของมนุษย์ เมื่อเราเจอสีสัน เราจะรู้สึกต่อสิ่งๆ นั้นและรู้สึกจดจำได้ดี ให้ลองนึกภาพตอนกำลังนั่งอ่านหนังสือ มีหนังสือเล่มที่เป็นขาวดำล้วน กับอีกเล่มมีภาพ มีแผนผังความคิด มีตัวอักษรสีสัน ก็เป็นอะไรที่น่าอ่านมากกว่าสีขาวดำอยู่แล้ว 

รู้จักศึกษานอกห้องเรียน

การศึกษานอกห้องเรียนเป็นอีกวิธีทำให้เรียนเก่งได้ เพราะในปัจจุบันมีช่องทางการศึกษานอกห้องเรียนเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น ห้องสมุด การลงเรียนพิเศษเพิ่มเติมกับติวเตอร์ หรือแม้แต่การหาความรู้จากอินเทอร์เน็ตก็กลายเป็นสิ่งสำคัญในการเรียนรู้ ดังนั้น การเรียนรู้นอกห้องเรียนช่วยให้น้องๆ เป็นคนที่รู้จักสังเกตและมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ทำให้เป็นคนที่มีความรู้รอบตัวมากยิ่งขึ้นอีกด้วย


หลายๆ คนอาจเข้าใจว่าการเรียนที่สำคัญ คือ การเรียนรู้ในห้องเรียนเพียงเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว การเรียนรู้นอกห้องเรียนก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ซึ่งช่วยให้สามารถพัฒนาทักษะของตนเอง ให้มีความคิด เพิ่มทักษะทางการตัดสินใจ เพราะถือเป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์ตรงนั่นเอง

 

 

ทำแบบทดสอบความรู้อยู่เสมอ

อีกเคล็ดลับการเรียนเก่ง คือ การทำแบบทดสอบความรู้อยู่เสมอ น้องๆ หลายคนอาจกลัวในการทำแบบทดสอบ เพราะกลัวว่าผลคะแนนจะออกมาไม่ดี ทำให้เสียกำลังใจ และทำให้ไม่อยากทำข้อสอบอีก แต่การทำแบบทดสอบช่วยวัดความเข้าใจว่า เราเข้าใจเนื้อหาเหล่านี้มากน้อยแค่ไหน ยิ่งมีข้อผิดมาก แปลว่ามีข้อแก้ไขเยอะตามไปด้วย


นอกจากนี้ การที่ได้ลองทำแบบทดสอบต่างๆ ก็เหมือนได้ทำแบบทดสอบก่อนเรียนซ้ำๆ หรือได้ทดลองเก็งแนวข้อคำถามสำคัญ ทำให้รู้ว่าเนื้อหาลักษณะนี้มักมีคำถามแนวไหน และวัดความรู้ด้านไหนบ้าง เมื่อน้องๆ รู้แล้วว่าจุดอ่อนของตนเองมาจากที่ไหน ต้องเน้นอ่านเรื่องอะไรเพิ่มเติม ก็จะทำให้แก้ไขจุดอ่อนได้โดยตรง รวมถึง ทำให้สามารถได้คะแนนและเกรดที่ดีขึ้นได้

 

แลกเปลี่ยนความรู้กับเพื่อนในชั้นเรียน

อีกเทคนิคการเรียนเก่ง คือ การแลกเปลี่ยนความรู้กับเพื่อนในชั้นเรียน เพราะการพูดคุยหรือทบทวนเนื้อหากับเพื่อนๆ ทำให้ได้ไอเดีย และข้อคิดเห็นใหม่ๆ เช่น อ่านหนังสือเรื่องนี้แล้วได้ข้อคิดอะไรบ้าง ลองนำความคิดเห็นของเพื่อนมาผสมกับความคิดของตนเองดูว่าได้ข้อคิดเพิ่มเติมบ้างไหม หรือมีมุมมองใหม่ๆ หรือไม่


ถ้าเป็นเรื่องที่ความคิดเห็นไม่ตรงกัน ให้ลองหาเหตุผลดูว่าอันไหนสมเหตุสมผลมากกว่ากัน ซึ่งการพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กับเพื่อน นอกจากเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้วยกันแล้ว ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนได้อีกด้วย

หมั่นทบทวนเนื้อหาเป็นประจำ

อีกวิธีที่ทำให้ความจำดีมากขึ้น คือ การหมั่นทบทวนเนื้อหาเป็นประจำ โดยให้ลองสร้างแผนการศึกษา หรือแผนการเรียน (Study Plan) ของตนเองออกมา เพื่อช่วยในการทบทวนบทเรียนได้รวดเร็วกว่าการกลับไปอ่านใหม่ทั้งหมด โดยการสร้าง Study Plan ให้เริ่มจากขั้นตอนเหล่านี้

 

  • การนั่งนึกถึงเนื้อหาที่เรียนในแต่ละวิชา หาหัวข้อที่คิดว่าน่าจะออกสอบ หรือให้ลองกลับไปทบทวนแบบทดสอบ ควิซต่างๆ ที่เคยทำ เพื่อหาจุดผิดพลาด

  • สร้าง Study Plan ของตนเอง จะต้องมีการระบุวันเวลา จำนวนชั่วโมงที่จะใช้เวลาอ่านหนังสือทบทวนให้ชัดเจน และต้องมีช่วงเวลาพักผ่อนด้วย

  • ให้เน้นการพูดสิ่งที่ดี เชิงบวก เพื่อสร้างกำลังใจกับตนเอง เช่น ฉันจะทำข้อสอบนี้ให้ได้คะแนนเยอะๆ ฉันจะต้องชนะ! เชื่อว่าตนเองจะทำได้ ถ้าหากน้องๆ พบว่าตนเองกำลังคิดลบ รู้สึกดิ่ง เช่น ฉันน่าจะสอบตก น่าจะทำข้อสอบวิชานี้ไม่ได้แน่ๆ ให้พยายามปรับเปลี่ยนความคิดเป็น ฉันจะพยายามเอาชนะวิชานี้ให้ได้

  • หาสถานที่ที่เหมาะสมกับการอ่านหนังสือ โดยพยายามเลือกสถานที่ที่คนน้อย หรือปราศจากเสียงรบกวน เช่น วันพฤหัสบดีตอนเย็น เลิกเรียนเร็ว จะนั่งอ่านหนังสือในห้องสมุด 2 ชั่วโมง เป็นต้น

  • ต้องลงมือปฏิบัติจริงด้วย ข้อนี้ถือว่าสำคัญที่สุด เพราะต่อให้น้องๆ พยายามสร้างแผนการศึกษามาหลายแบบ แต่สุดท้ายไม่ได้ทำตามแผนเลย ก็จะเป็นการเสียเวลาเปล่าประโยชน์



พักผ่อนให้เพียงพอ

อีกวิธีที่ช่วยทำให้ความจำดีและเสริมให้เรียนเก่งขึ้น คือ การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะการนอนมีผลต่อการเรียนรู้และการจดจำ ซึ่งสำหรับน้องๆ ที่สงสัยว่า ควรนอนอย่างไรนั้น เบื้องต้นลองมาทำรู้จักกับกระบวนการการเกิดความจำของมนุษย์ก่อน โดยธรรมชาติของคนเราจะเกิดความจำได้ จะต้องผ่าน 3 ขั้นตอน ดังนี้

  • การเรียนรู้สิ่งใหม่

  • การนำสิ่งที่เรียนรู้ไปบันทึกลงในสมอง

  • การดึงความทรงจำที่บันทึกไว้ออกมาใช้ในภายหลัง


ในขั้นตอนที่ 1 และ 3 จะเกิดขึ้นในช่วงที่ตื่นนอน แต่ขั้นตอนที่ 2 การนำสิ่งที่เรียนรู้ไปบันทึกลงในสมองเพื่อให้เกิดความทรงจำระยะยาวจะเกิดขึ้นในช่วงที่นอนหลับอยู่ ดังนั้น เพื่อให้เกิดการนอนที่ดีมีคุณภาพ ควรปฏิบัติตามนี้

  • เข้านอนและตื่นในเวลาเดียวกันทุกวัน

  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อให้สมองสร้างสารเคมีที่จำเป็น แต่ไม่ควรออกกำลังกายในช่วงก่อนนอน 3 ชั่วโมง

  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ส่วนประกอบของคาเฟอีนก่อนนอน

  • รับประทานอาหารก่อนเข้านอนอย่างน้อย 3 ชั่วโมง

  • จัดห้องนอนให้เหมาะกับการนอนหลับและมืด

  • นอนเฉลี่ย 6-7 ชั่วโมง ไม่ควรนอนน้อยกว่า 5 ชั่วโมง หรือมากกว่า 11 ชั่วโมง

ทั้งนี้ แต่ละช่วงวัยต้องการการนอนหลับที่แตกต่างกัน อ้างอิงข้อมูลจาก National Sleep Foundationh ของสหรัฐอเมริกา ในช่วงวัยเรียน (6-13 ปี) ควรนอน 9-11 ชั่วโมง วัยรุ่น (14-17 ปี) ควรนอน 8-10 ชั่วโมง และวัยหนุ่มสาว (18-25 ปี) ควรนอน 7-9 ชั่วโมง ดังนั้น ควรน้องๆ ควรจัดตารางการนอน เพื่อให้สามารถพักผ่อนได้อย่างเพียงพอตามความต้องการของร่างกายร่วมด้วย

 

 

ให้รางวัลกับตัวเอง

วิธีทำให้เรียนเก่งวิธีสุดท้ายที่หลายคนอาจจะมองข้าม คือ การให้รางวัลกับตัวเอง เป็นอีกหนึ่งการเพิ่มกำลังใจในการเรียนที่ดีอย่างยิ่ง เพราะเปรียบเสมือนรางวัลตอบแทนในความเหนื่อยยากที่น้องๆ อุตส่าห์พยายามตั้งใจเรียนมาตลอด 


โดยในการให้รางวัลตัวเอง ไม่จำเป็นต้องเป็น รางวัลที่ยิ่งใหญ่ หรือต้องไปขอรางวัลจากใคร แต่สามารถเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่สุขใจก็ได้ เช่น ถ้าลองทำแบบทดสอบวิชานี้ ได้คะแนน 25 ขึ้นไป จากคะแนนเต็ม 30 คะแนน ก็จะไปดูหนัง 1 เรื่อง หรือหากอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบทุกวิชาเสร็จเร็ว ก็จะไปเดินออกกำลังกายแก้เครียด 2 ชั่วโมง เป็นต้น

 

 

สรุป


10 วิธีทำให้เรียนเก่งเป็นหนึ่งในเคล็ดลับที่ช่วยให้เรียนเก่งและสามารถจดจำเนื้อหาต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ได้คะแนนเรียนดีอย่างที่เราคาดหวัง และสำหรับใครที่ต้องการเพิ่มคะแนนเรียนในแต่ละวิชา สามารถลงทะเบียนกับคอร์สเรียนออนไลน์ ได้แล้วที่ Megastudy ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงด้วยทีมคุณครูชั้นนำที่จะมาสอนและมอบเทคนิคการเรียนให้เก่งมากขึ้นนั่นเอง